ในยุคนี้การดูหนังจะมีความสนุก และตื่นเต้นมากขึ้น..
เวลาย่างก้าวเข้าไปในโรงหนังจะเห็นป้ายไฟที่ติดโปสเตอร์ หรือใบปิดหนัง หลากหลายเรื่องราว
ช่วงเวลา20-30 ปีที่ผ่านมา โรงหนังต่างต้องมีบอร์ด หรือป้ายไฟเพื่อติดใบปิดหนังตามที่ค่ายหนังส่งให้มาเท่านั้น
ซึ่งรูปแบบก็จะถูกกำหนดมาจากต้นสังกัดโดยเฉพาะหนังต่างประเทศ ถ้าจะมีการออกแบบใหม่ต้องขออนุญาตต้นสังกัดก่อน แม้จะเป็นรูปแบบเดิม เมื่อมีการใส่ภาษาท้องถิ่นที่นำหนังเข้าไปฉาย อย่าง ไทย ญี่ปุ่น ก็ต้องขออนุญาตเช่นกัน
พอโรงหนังมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อาทิ โรงหนัง IMAX ที่เคยฉายแต่หนังสารคดีสั้น 3D มาเป็นฉายหนังแบบเดียวกับโรงหนัง แต่มีฟิล์ม และจอขนาดใหญ่ขึ้น ระบบเสียงกระหึ่ม โรงหนังทั่วไปก็ปรับมาแข่งแย่งคนดู และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทระบบเสียง อย่าง Dolby หรือ โรงหนังที่มีจอกว้างกว่าโรงหนังทั่วไป อย่างScreenX หรือโรงหนังที่มีระบบสมจริงเสมือนอยู่ในเหตุการณ์ มีลมเป่า เก้าอี้โยกไปมา ละอองน้ำพ่นใส่ ทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหนังอย่าง 4DX
IMAXย่อมาจากImage MAXimumเป็นชื่อของรูปแบบฟิล์มภาพยนตร์ อุปกรณ์การฉาย ตลอดจนโรงภาพยนตร์ ที่ใช้มาตรฐานของบริษัทIMAX Corporationประเทศแคนาดา โดยหนังที่ฉายด้วยระบบไอแมกซ์จะมีภาพที่มีขนาดใหญ่ 70มม. ที่ความเร็ว 24เฟรมต่อวินาที และมีความละเอียดสูงกว่าหนังทั่วไป จอหนังไอแมกซ์มีขนาดกว้างประมาณ22เมตร สูง16.1 เมตร ระบบเสียงIMAX Laser Soundสุดกระห่ำ ช่วงแรกหนังที่ฉายในโรงไอแมกซ์จะเป็นหนังสารคดี ในระยะหลังมีการนำภาพยนตร์ 35มม. มารีมาสเตอร์เพื่อฉายในโรงไอแมกซ์ เรียกว่า IMAX DMR (Digital Remastering) โดยหนังเรื่องแรกที่นำมารีมาสเตอร์เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์คือเรื่อง Apollo 13 (2002)
นอกจากการสร้างความแตกต่างที่ตัวโรงหนังแล้ว จุดที่จะเรียกกลุ่มเป้าหมายให้ยอมมาตีตั๋วก็คือ รูปแบบของใบปิดหนังที่จะถูกออกแบบใหม่เฉพาะโรงหนังในเครือเท่านั้น ใครที่จองตั๋วล่วงหน้า หรือซื้อตั๋วตามวัน และเวลาที่กำหนดก็จะได้รับใบปิดหนังไปครอบครอง บางเรื่องมีแบบใหม่ๆทุกสัปดาห์ ซึ่งใบปิดพิเศษนี้จะมีขนาดประมาณ 13” x 19” พิมพ์บนกระดาษแข็ง หรืออาจมีแบบกระดาษทั่วไปด้วย แล้วแต่งบประมาณของแต่ละเครือโรงหนังนั่นเอง
ครั้งนี้หยิบเอาใบปิดมาคุยกัน เริ่มที่เรื่อง Joker: Folie à Deux โจ๊กเกอร์ โฟลีย์ อา เดอ (2024) ออกแบบโดยทีม BLT Communications, LLC เป็นรูปแบบเฉพาะของโรงหนัง “IMAX” หนังกล่าวถึงช่วงหลังจากอาร์เธอร์ เฟล็ก ถูกกดดันจากสังคม ความเป็นอยู่ และเกิดปัญหาสุขภาพจิตจนกลายเป็น โจ๊กเกอร์ อาชญากรตัวอันตรายผู้ปลุกปั่นให้เกิดความโกลาหลในสังคม ภาพบนใบปิดหนังจะมีตัวละคร โจ๊กเกอร์ และ ฮาร์ลี ควินน์ กระโดดโลดเต้นไปตามขั้นบันได ซึ่งหลายคนอาจจำใบปิดของ Joker เมื่อปี 2019 กำลังยืนอนู่ด้านบนของบันได เป็นการสานต่อเรื่องราวซึ่งครั้งนี้มี 2 คน อาจบอกเป็นนัยบอกว่านี่คือภาค 2 ก็เป็นได้ สัญญาลักษณ์ที่ขาดไม่ได้คือคำว่า “IMAX” ที่ผู้ออกแบบจะจัดวางให้ดูกลมกลืน อย่างแบบนี้วางไว้ที่ขั้นบันได คล้ายกับป้ายโฆษณาที่ถูกติดไว้ตามบันไดนั่นเอง
ใบปิดแบบต่อมาเป็นของเครือโรงหนัง “Dolby Cinema” ทำออกมาอย่างเท่ เรื่องแรกคือ Alien: Romulus เอเลี่ยน โรมูลัส (2024) ออกแบบโดยทีม LA รูปแบบดูเก่าคลาสิค มีขอบ และพื้นที่ด้านล่างสีขาวขุ่น ใส่รูปหลักตรงกลางเหยื่อที่ถูกเจ้าเอเลี่ยนโจมตี พร้อมโลโก้ Dolby ขณะที่เรื่อง Twisters ทวิสเตอร์ส (2024) สาวนักอุตุนิยมวิทยาที่เฝ้าศึกษารูปแบบสภาพอากาศทำการทดสอบระบบติดตามพายุสุดล้ำ การไล่ล่าพายุก็เริ่มขึ้น ใบปิด ออกแบบโดยทีม BOND ไม่ต้องขายตัวละครจับเอาภาพของการไล่ล่าพายุมานำเสนอ แค่เห็นฝูงพายุที่ไล่ตาม พร้อมโลโก้ Dolby ก็รู้ได้ทันทีว่าในโรงหนังมันจะกระหึ่มสมจริงของระบบเสียงแค่ไหน
ใบปิดหนังแบบสุดท้ายเป็นของเรื่อง Bad Boys: Ride or Die คู่หูขวางนรก: ลุยต่อให้โลกจำ (2024) เป็นหนังภาคต่อ (ภาค4) 2 ตำรวจไมอามี่คู่หูจอมระห่ำกลับมา อะไรก็หยุดพวกเขาไม่ได้ ใบปิดสวยงาม ออกแบบโดยทีม BLT Communications, LLC เป็นของโรงหนังเครือ “ScreenX” หนังที่เข้าฉายจะต้องถ่ายทำด้วยเทคนิคพิเศษโดยต้องถ่ายทำด้วยกล้อง 3 ตัวในเวลาเดียวกัน และฉายด้วยระบบเครื่องฉายหลายตัว (Multi-Projection System) โดยโรง ScreenX จะใช้เครื่องฉาย 9 ตัว เพื่อให้ภาพที่กว้างถึง 270 องศาเพื่อให้ได้ภาพที่ต่อเนื่องสมจริง ส่วนใบปิดก็สวยงามมาก ออกแบบโดยทีม BLT Communications, LLC เล่นกับสีสันให้สนุกไปพร้อมๆกับตัวละครหลักในท่วงท่าสุดระห่ำ
ส่วนโรงหนัง “4DX” สัมผัสกับความสมจริงทั้ง ภาพ แสง สี เสียง เอฟเฟคถึง 24 ชนิด การขยับและสั่นสะเทือนของเก้าอี้ สายฟ้า ละอองน้ำ กลิ่น สะกิดขา สะกิดหลัง พายุฝน หิมะ มาทั้งในระบบ แบบ 3D และแบบ 2D ใบปิดหนังก็สวยงามไม่แพ้กัน ไว้มีโอกาส จะนำมาให้ชมกัน หรือท่านใดสนใจ และอยากเก็บสะสม สามารถแวะเข้าไปชมกันได้
By Posterman